วันนี้เราจะมานำเสนอเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่ง จากรายการ ปัญญา ปันสุข ออกอากาศทางช่อง work point คุณป้าท่านนี้เป็นคนดีที่น่ายกย่องและน่านับถือหัวใจของคุณป้าจริงๆค่ะ เห็นคนอื่นที่ต้องการความช่วยเหลือก็ไม่รีรอที่จะช่วยเลย มาฟังเรื่องของคุณป้ากันค่ะ
คุณป้าท่านนี้ได้เคยเจอกับเหตุหารณ์ที่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต คือ คุณพ่อ คุณแม่และพี่ชายของตนเองนั้นเสียชีวิตหมด และตนเองนั้นยากจนจึงไม่มีเงินทำศพพ่อแม่ คุณป้าเลยต้องทำศพพ่อแม่ด้วยตนเอง เย็บศพเอง ฉีดยาเอง และเผาศพด้วยตนเอง นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณป้านั้น เป็นจิตอาสากู้ภัย สัหเหร่อ รับดูแลผู้ป่วย และการตัดผมเด็ก โดยทั้งหมดที่คุณป้าทำนั้น ทำฟรีทั้งหมดไม่มีคิดเงินค่ะ และที่คุณป้ามาออกรายการนั้น มาเพื่อขอทำเพื่อผู้อื่น
โดยเรื่องราวของครอบครัวคุณป้านั้น คุณพ่อนั้นเป็นผู้ใหญ่บ้านและนอกจากเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้วยังรับหน้าที่เป็นสัปเหร่อด้วย ก่อนเกิดเหตุการณ์สูญเสียคุณพ่อและคุณแม่ ได้เกิดเหตุกับพี่ชายของตน นั่นคือ พี่ชายโดนรถชน โดนรถเหยียบกลางหน้าอกเสียชีวิตทันที ณ ที่เกิดเหตุ
และหลังจากนั้นก็เกิดเหตุหารณ์สูญเสียอีกครั้ง คือ พ่อและแม่ ป้ากับหลาน ของคุณป้า คือ รถของครอบครัวคุณป้าประสบอุบัติเหตุรถสิบล้อชนแล้วเหยียบทับบนรถของครอบครัวคุณป้า ครอบครัวทั้งหมดเสียชีวิตคารถที่เกิดเหตุ ตอนนั้นหลังจากเกิดเหตุคุณป้าต้องทำศพพ่อและแม่ด้วยตนเอง เนื่องจากคุณป้านั้นไม่มีเงิน เงินทั้งตัวมีอยู่แค่เพียง 600 บาท เท่านั้น ในวันเผาศพของแม่และพ่อ คุณป้าก็ต้องเผาศพด้วยตนเอง เนื่องจากสัปเหร่อนั้นเมา ไม่สามารถทำได้เลยต้องทำด้วยตนเอง
นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณป้าต้องกลายมาเป็นสัปเหร่อช่วยเหลือคนในหมู่บ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดใด เพราะอยากจะช่วยเหลือคนที่มีเงินน้อยให้ได้มีงานศพเพื่อเป็นเกียรติแก่คนตายนั่นเอง
การเป็นสัปเหร่อนั้น ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องโดนคนอื่นดูถูกและรังเกลียด เพราะคนอื่นมองว่าสกปรกทำงานอยู่กับศพ เลยไม่มีใครอยากเข้าใกล้หรือแม้กระทั่งนั่งกินข้าวก็ต้องนั่งกินคนเดียว หลังจากที่คุณป้าไปทำศพคุณป้าจะต้องมานั่งทานข้าวคนเดียวทุกครั้ง
คุณป้ายังกล่าวในรายการอีกว่า
ชีวิตที่เป็นแบบนี้ เราเวลาที่ทำศพแล้วก็จะไม่กินข้าวกับใคร เพราะ คนรังเกียจสัปเหร่อ เคยได้ยินคนอื่นพูดว่า เป็นสัปเหร่อแล้วสกปรก ไม่กินข้าวด้วยหรอก
เลยอธิบายให้ฟังไปว่า“คนเราต้องตายทุกคน การทำแบบนี้มันก็เท่ากับดูถูกกัน ทุกคนถ้าตายก็ต้องไม่พ้นมือสัปเหร่ออยู่ดี แล้วจะรังเกียจกันทำไม? มันไม่ได้ติดตัว มันไม่ได้สกปรก”
ถึงโดนดูถูก โดนรังเกียจขนาดไหน แต่คุณป้าก็ยังคงอยากทำอยู่ เพราะถ้าเราไม่ทำ คนที่ไม่มีเงินก็ไม่สามารถทำได้
ทางรายการได้สอบถามคุณป้าว่ารู้สึกอย่างไรบ้างที่ทำแบบนี้ ทำมาตลอด 30 ปี ที่ทำเพื่อผู้อื่น
คุณป้ากล่าวว่า
รู้สึกภูมิใจที่ทำได้และเต็มใจที่จะช่วย
นอกจากเป็นสัปเหร่อแล้ว คุณป้ายังเป็นสมาชิก อสม. (อาสาสมัครในชุมชน) ในใหมู่บ้าน คอยดูแลผู้และเด็กที่ยากจน ที่ต้องการความช่วยเหลือ
และก่อนหน้านี้คุณป้ามีอาชีพทำสวนทำไร่ แต่ตอนนี้ต้องเปลี่ยนมาทำอาชีพอาหารตามสั่งภายในหมู่บ้าน เนื่องจากคุณป้าได้เคยผ่าตัดใส่เหล็กดามหลังเอาไว้จึงไม่สามารถทำไร่ทำสวนได้อีก โดยมีคนในหมู่บ้านที่คุณป้าได้เคยช่วยเหลือไว้ ได้นำของที่แต่ละบ้านมีมาให้คุณป้ายืมในการทำร้านอาหารตามสั่ง และยังช่วยคุณป้าปลูกร้านอีกด้วย
คนดีที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอย่างคุณป้า น่านับถือน้ำใจจริงๆค่ะ ทำเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้มีมาก แต่ก็มีจิตใจตั้งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คุณป้านั้นสู้ต่อไป และช่วยกันสนับสนุนเรื่องราวของคนดีค่ะ
ให้คนที่ทำดีนั้นมีกำลังใจที่จะสร้างความดีต่อไปค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจากรายการ ปัญญา ปันสุข ออกอากาศทางช่อง work point